Systematic Reviews and Meta-analysis of Efficacy and Safety of Bisphosphonates for the Treatment of Osteoporosis in Postmenopausal Women.

Abstract

The purposes of this research were to conduct a systematic review and meta-analysis of effectiveness of Bisphosphonate drugs for the treatment of osteoporosis in postmenopausal women. Published reports were searched through the electronic databases including MEDLINE, the Cochran Library and Thai database from inception to November 2015. Randomized controlled trials studied on the effectiveness of Bisphosphonate drug including Alendronate, Clodronate, Etidronate, Ibandronate, Risedronate and Zoledronate comparing with placebo and/or calcium and vitamin D; and reported the incidence of fracture or changes in bone mass density (BMD) or incidences of adverse events were selected. A meta-analysis of the effectiveness reported on Risk Ratio (RR), Mean Difference (MD) with 95% Confident interval (95%CI). Results showed that the search identified 46 studies consistent to inclusion criteria. The studies determined the effect of Bisphosphonates comparing with placebo for 1-5 years. Data from 44 high quality studies and a two low quality study were used for meta-analysis. Meta-analysis indicated that Alendronate and Risedronate had significant effect on secondary preventing vertebral fracture (Risk ratio (RR) = 0.53 (95%CI 0.42, 0.67) และ 0.62 (95%CI 0.51, 0.75) respectively). But the effect of Zoledronate on the prevention of vertebral fracture was no significant difference from the placebo. Moreover, Alendronate and Zoledronate was effective for the prevention of hip fracture ( RR=0.47 (95%CI 0.26, 0.85) and 0.58 (95%CI 0.43, 0.78)). There were significant differences on the effects of Alendronate for the prevention of wrist fracture comparing with control group. (Risk ratio (RR) = 0.47 (95%CI 0.28, 0.80) . The effects of Alendronate on BMD indicate significant increases in BMD at lumbar spine, femoral neck and total Hip. For the safety, results found that Ibandronate and Zoledronate could increase the risk of Myalgia) (RR= 3.41 (95%CI 1.72, 6.76) and 4.80 (95%CI 2.44, 9.44) but risks of Influenza-like symptoms found in Zoledronate (RR= 3.41 4.96 (95%CI 3.79, 6.47

In conclusion, the effectiveness on the prevention of bone fractures and on the increased BMD; and the safety of each Bisphosphonate drug are different. However, evidences indicate the effectiveness of Clodronate, Etidronate and Ibandronate were limited. Further studies should be conducted on the use of these drugs for preventing osteoporotic fracture in postmenopausal women.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมานประสิทธิผลของยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตในการรักษาโรคกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือน โดยทำการสืบค้นงานวิจัยจากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ MEDLINE, The Cochrane Library และฐานข้อมูลภาษาไทย ตั้งแต่เริ่มมีฐานข้อมูล จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยคัดเลือกงานวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุมที่เปรียบเทียบประสิทธิผลของยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตได้แก่ Alendronate, Clodronate, Etidronate, Ibandronate, Risedronate และ Zoledronate กับการให้ยาหลอกหรือ/และแคลเซียมร่วมกับวิตามินดี โดยวัดผลลัพธ์เป็นอุบัติการณ์การหักของกระดูกที่บริเวณต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงของค่าความหนาแน่นของมวลกระดูก หรือ อุบัติการณ์การเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ วิเคราะห์อภิมานประสิทธิผลของยาโดยแสดงด้วยค่าอัตราเสี่ยงสัมพัทธ์ (Risk ratio; RR) และค่าเฉลี่ยความแตกต่าง (Mean difference; MD) ร่วมกับช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% CI) ผลการศึกษาพบงานวิจัยที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจำนวน 46 เรื่อง ซึ่งเป็นงานวิจัยศึกษาเปรียบเทียบกับผลของยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตกับการให้ยาหลอก มีระยะเวลาการศึกษาอยู่ในช่วง 1-5 ปี งานวิจัยที่นำมาวิเคราะห์อภิมานเป็นงานวิจัยคุณภาพสูงจำนวน 44 งานวิจัย และงานวิจัยคุณภาพต่ำ 2 งานวิจัย ผลการวิเคราะห์อภิมานพบว่าการให้ยา Alendronate และ Risedronate สามารถป้องกันการเกิดกระดูกสันหลังหักแบบทุติยภูมิได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Risk ratio (RR) = 0.53 (95%CI 0.42, 0.67) และ 0.62 (95%CI 0.51, 0.75) ทั้งนี้ยา Zoledronate ให้ผลไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม นอกจากนี้ยา Alendronate และ Zoledronate ยังมีประสิทธิผลในการป้องกันกระดูกสะโพกหักได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( RR=0.47 (95%CI 0.26, 0.85) และ 0.58 (95%CI 0.43, 0.78)) ส่วนผลในการป้องกันกระดูกข้อมือหักพบว่ามีเพียง Alendronate ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันกระดูกสะโพกหักได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Risk ratio (RR) = 0.47 (95%CI 0.28, 0.80) มีเพียง Alendronate ทำให้ค่าความหนาแน่นของมวลกระดูก (BMD) เพิ่มขึ้นจากค่าเริ่มต้นที่ตำแหน่ง Lumbar spine, Femoral neck และ Total Hip ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้านความปลอดภัยของการใช้ยาพบว่า การได้รับยา Ibandronate และ Zoledronate ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดกล้ามเมื่อยกล้ามเนื้อ (Myalgia) (RR= 3.41 (95%CI 1.72, 6.76) และ 4.80 (95%CI 2.44, 9.44) ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังพบว่า Zoledronate ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (Influenza-like symptoms) ) (RR= 3.41 4.96 (95%CI 3.79, 6.47) วนการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงอื่น ๆ พบว่าการใช้ยาแต่ละรายการให้ผลไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม สรุปได้ว่า ประสิทธิผลในการป้องกันกระดูกหักที่บริเวณต่างๆ และเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก รวมไปถึงความปลอดภัยของยาในกลุ่มบิสฟอสโฟเนตแต่ละรายการมีแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดของหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงผลในการป้องกันกระดูกหักของยาบางรายการ เช่น Clodronate, Etidronate และ Ibandronate ดังนั้นการนำข้อมูลไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยหญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุน ควรทำการศึกษาเพิ่มเติม