A COMPARISON OF READING AND SPEAKING ABILITIES OF MATTHAYOMSUKSA THREE STUDENTS OF WATNANGSAO (THAVORNRATBAMRUNG) SCHOOL, SAMUT SAKHON BY USING CALL LESSONS BASED ON SELECTED CONTENTS IN WAX MUSEUM

Abstract

The purposes of this research were: 1) to compare students’ English reading ability before and after using the “CALL” lessons; 2) to compare students’ English speaking ability (Indirect Speaking Test) before and after using the “CALL” lessons; 3) to study students’ English speaking ability (Direct Speaking Test) after using the “CALL” lessons; and 4) to study students’ opinions toward the “CALL” lessons.

The sample, selected by a purposive sampling technique, comprises 30 Matthayomsuksa three students of Watnangsao School during the second semester of academic year 2017. The students studied 8 units of “CALL” English reading lessons. The duration of experiment research covered 8 class sessions over a two week period.

The instruments used for gathering data consisted of :1) the “CALL” reading lessons 2)a reading proficiency test, used as a pretest and posttest 3) a speaking proficiency test, used as a pretest and posttest and 4)a questionnaire measuring the students on opinions toward the “CALL” lessons.

A paired- samples t-test was used compare the students’ English reading and speaking abilities before and after using the “CALL” exercises. In addition, the mean and standard deviation of items were used to evaluate the students’ opinions toward the eight “CALL” lessons

The results of the study were as follows:

1. The students’ ability in English reading after using the “CALL” reading lessons was significantly higher than the expected criterion at the 0.01 level.

2. The students’ ability in English speaking (indirect speaking test) after using the “CALL” lessons was significantly higher than the expected criterion at the 0.01 level.

3. The students’ ability in English speaking (direct speaking test) after using the “CALL” lessons were highly positive.

4. The students’ opinions toward the “CALL” lessons were highly positive.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลัง การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษทางอ้อมของนักเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3) เพื่อศึกษาความสามารถในการพูดทางตรงของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง

กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนวัดนางสาว(ถาวรราษฎร์บำรุง) สมุทรสาคร จำนวน 30 คนที่ได้จากการเลือกห้องเรียนแบบเจาะจง จากประชากรทั้งหมด 106 คน ใช้วิธีการทดลองโดยให้นักเรียนเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 8 บท ใช้เวลา 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งจำนวน 8 บท 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4) แบบสอบถามความคิดเห็นต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ t-test แบบจับคู่ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการอ่านที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และใช้ค่าเฉลี่ย(x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ในการหาค่าระดับความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนการเรียนด้วยบทเรียนช่วยสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

2. ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษทางอ้อมโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนการเรียนด้วยบทเรียนช่วยสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

3. ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษทางตรงโดยใช้เนื้อหาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของนักเรียนหลังการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอยู่ในระดับดี

4. นักเรียนมีความคิดเห็นที่ดีมากต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น