THE EFFICIENCY OF LOGISTICS SERVICES FOR MACHINE TOOLS AND METALWORKING TECHNOLOGY EXHIBITION

Abstract

This research was conducted to study, analyze and confirm the factors affecting the efficiency of logistics services of machine tools and metalworking technology exhibition. This research used a mixed-method methodology by applying two stages; the first stage, with a qualitative method on studying the trending and variable extraction by the members of 12 persons from Thai Federation on Logistics who have knowledge, experiences and extra skills with questionnaire. The Delphi technique was used to analyze for construct the questionnaire to the next stage. The second stage was run with Confirmatory Factor Analysis (CFA) by applying a quantitative method. The samples of this research were 400 companies in the machine tools and metalworking technology exhibition with using non probability quota and purposive sampling method of YAMANE. The tool of this research was analyzed by using CFA. The findings of this research revealed that model of the Efficiency of Logistics Services of Machine Tools and Metalworking Technology Exhibition consisted of three components; Logistics Strategies, Logistics 4.0 and Service Quality with the empirical data with goodness of fit statistics at level 0.05.

การวิจัยประสิทธิภาพการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับงานแสดงสินค้าประเภทเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีโลหะการมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบและปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยงานวิจัยได้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อสกัดองค์ประกอบของตัวแปรที่มีผลต่อประสิทธิภาพของผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์จากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และ/หรือประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการบริหารและการจัดการการบริการด้านโลจิสติกส์ จำนวน 12 คน ระยะที่ 2 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เพี่อยืนยันองค์ประกอบประสิทธิภาพของผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ของผู้ใช้บริการโลจิสติกส์จากบริษัทแสดงสินค้าประเภทเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีโลหะการ (METALEX) 40 ประเทศซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนทั้งสิ้น 3,134 บริษัท เกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดตัวอย่าง คำนวณตัวอย่างโดยใช้สูตรการคำนวณของทาโร่ ยามาเน่ (Yamane, 1973) ใช้ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 (95% Confident Interval) ค่าความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตัวอย่าง ±5% ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 400 ตัวอย่าง

ผลการวิจัยพบดังนี้

องค์ประกอบที่สกัดได้จากการวิจัยระยะที่ 1 ซึ่งเรียกว่าตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของผู้ให้บริการจำนวน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) องค์ประกอบด้านกลยุทธ์การบริหารจัดการโลจิสตสิกส์ มีตัวแปรสังเกตได้ จำนวน 4 ตัวแปร 2) องค์ประกอบด้านระบบการจัดการโลจิสติกส์ มีตัวแปรสังเกตได้ จำนวน 6 ตัวแปร และ 3) คุณภาพการให้บริการ มีตัวแปรสังเกตได้ จำนวน 5 ตัวแปร

ผลการยืนยันองค์ประกอบประสิทธิภาพของผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ พบว่า ดัชนีความสอดคล้องของโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าน้ำหนักขององค์ประกอบทุกด้านที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของผู้ให้บริการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ดังนั้นการวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญหลายประการที่สามารถนำไปสู่การดำเนินการของธุรกิจด้านผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ