การศึกษารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยบางประการที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยบางประการที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3 และตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างโมเดลโครงสร้างองค์ประกอบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3 กับข้อมูลเชิงประจักษ์กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานสายงานสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3 จำนวน 300 ตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยบางประการที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) โดยแบ่งแบบสอบถามออกเป็น 3 ส่วน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานผู้วิจัยใช้ดัชนีชี้วัดความกลมกลืน 5 ดัชนีประกอบไปด้วยค่าไค-สแควร์สัมพัทธ์ ค่า GFI ค่า RMSEA ค่า NFI และ ค่า CFIสถิติที่ใช้ในการวัดความเหมาะสมของข้อมูลและสมมติฐาน ประกอบด้วย KMO and Bartlett’s test และสถิติที่ใช้ทดสอบความอิสระของตัวตัวแปร ประกอบด้วย VIF และ Tolerance ผลการวิจัย เรื่อง การศึกษารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยบางประการที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3 พบว่าปัจจัยด้านกลยุทธ์และนโยบายที่ประกอบไปด้วยเป้าหมายความสำเร็จ แผนการดำเนินการ และพันธกิจ โดยมีค่าความสัมพันธ์ต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเท่ากับ 0.41และปัจจัยด้านภาวะผู้นำที่ประกอบไปด้วย ภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนแปลง ภาวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยน และภาวะผู้นำแบบเผด็จการ โดยมีค่าความสัมพันธ์ต่อการทำงานเป็นทีมเท่ากับ 0.33 และปัจจัยการทำงานเป็นทีมที่ประกอบด้วย การมีเป้าหมายร่วมกัน มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ การมีส่วนร่วม การขจัดข้อโต้แย้งภายในกลุ่ม และการสื่อสาร ซึ่งมีค่าความสัมพันธ์ต่อต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเท่ากับ 0.42สำหรับผลการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างโมเดลโครงสร้างองค์ประกอบประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานเชิงรุกของพนักงานสายงานสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กลุ่มเครือข่ายนครหลวง 3 กับข้อมูลเชิงประจักษ์ มีความสอดคล้องกัน โดยพิจารณาจากค่าไค-สแควร์ (Chi-Square) มีค่าเท่ากับ 115.89 ที่องศาอิสระ (Degree of Freedom) เท่ากับ 46 ค่าดัชนีรากกำลังสองเฉลี่ยของความคลาดเคลื่อนจากการประมาณค่า (Root Mean Square Error of Approximation, (RMSEA) เท่ากับ 0.071 ค่าไค-สแควร์ต่อองศาอิสระ (Chi-Square/df) มีค่าเท่ากับ 2.519ส่วนการวัดค่าความเหมาะสมของข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน มีค่า (Kaiser-Meyer-Olkin Measure of Sampling Adequacy, (KMO) เท่ากับ .921 แสดงว่าข้อมูลมีความเหมาะสมในการใช้เทคนิค Factor Analysis และค่า Bartlett’s Test of Sphericity มีค่าเท่ากับ 19,164.071 ค่า Sig. เท่ากับ .000 แสดงว่าตัวแปรมีความสัมพันธ์กัน และการทดสอบความอิสระของตัวแปร มีค่า Tolerance ไม่เข้าใกล้ศูนย์ทุกตัวและค่า (Variance Inflation Factor, (VIF)มีค่า น้อยกว่า 10 ทุกตัว จึงสรุปได้ว่าตัวแปรอิสระทุกตัวไม่มีระดับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และอิสระต่อกันจึงไม่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ Multicollinearity This research aimed to study causal relationship between some factor affecting efficiency in approach working of loan officer at Krung Thai bank public company limited in metropolitan network sector 3 and examine concordance between structures model of efficiency in approach working of loan officer Krung Thai Bank Public Company Limited in metropolitan network sector 3 and empirical data. Samples of this research were 300 persons of loan officer Krung Thai Bank Public Company Limited in metropolitan network sector 3. The tools used in this research were the questionnaire about causal factors that affected to efficiency in approach working of loan officer Krung Thai Bank Public Company Limited in metropolitan network sector 3. The statistics used in hypothesis testing was 5 Indicators harmony index. Include Chi-Square, GFI, RMSEA values, NNFI and the CFI. The study causal relationship between some factor affecting efficiency in approach working of loan officer at Krung Thai bank public company limited in metropolitan network sector 3 showed that the factor of strategy and policy include Goal success, Action plan and the Mission. Factor of strategy and policy that affect to efficiency in approach working = 0.41 and factor of leadership include Transformational Leadership, Transactional Leadership and the Autocratic Leadership. Factor of leadership that affect to teamwork = 0.33 and factor of teamwork include A common goal, Understanding the role, Participation, Eliminate arguments and Communication. Factor of teamwork that affect to efficiency in approach working = 0.42. For model fit testing between structures Model, efficiency in approach working of loan officer at Krung Thai bank public company limited in metropolitan network sector 3 and empirical data found that, Chi-square = 115.89, Degree of Freedom = 46, Root Mean Square Error of Approximation, (RMSEA) = 0.071and Chi-square df = 2.519 The determination of the suitability of the information and test the hypothesis (Kaiser-Meyer-Olkin Measure of Sampling Adequacy, (KMO) = 0.921. Show information that is appropriate to use Factor Analysis. Bartlett's Test of Sphericity = 19,164.071 Sig. = 0.000 that is variable relationship. Testing of the independent variables Tolerance is not zero, and (Variance Inflation Factor, (VIF) is less than 10 each. In conclusion All independent variables not have a reciprocal relationship. And independent of each other so it does not cause the phenomenon Multicollinearity.