EFFECTS OF USING SCIM-C STRATEGY ON HISTORICAL CONTEXTUALIZATION OF EIGHTH GRADE STUDENTS

Abstract

The purposes of this research were 1) to compare the historical contextualization of eighth grade students who participated in history learning management using SCIM-C strategy, and 2) to study the development of historical contextualization of eighth grade students who participated in history learning management using SCIM-C strategy. The sample of this research consisted of 27 eighth grade students studying in the first semester during the academic year 2023 at Debsirinladya Kanchanaburi School under the Secondary Educational Service Area Office, Kanchanaburi. The research instrument used in the experiment were three historical unit plans using SCIM-C strategy. The research instrument used for data collection were four sets of historical contextualization tests. The data was analyzed by arithmetic mean, standard deviation, t-test for dependent, and repeated measures ANOVA.

The research findings were as follows:

1. The historical contextualization of eighth grade students after using SCIM-C strategy was higher than that before using SCIM-C strategy at .05 level of significance.

2. The development of historical contextualization of eighth grade students who participated in history learning management using SCIM-C strategy was developed to higher level at .05 level of significance.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยใช้กลยุทธ์ SCIM-C และ 2) ศึกษาพัฒนาการความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยใช้กลยุทธ์ SCIM-C กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทพศิรินทร์ลาดหญ้า กาญจนบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนหน่วยการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยใช้กลยุทธ์ SCIM-C จำนวน 3 แผน และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบวัดความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ จำนวน 4 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกันและวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ

ผลการวิจัยพบว่า

1. ความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยใช้กลยุทธ์ SCIM-C สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2. พัฒนาการความเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โดยใช้กลยุทธ์ SCIM-C สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05