Please use this identifier to cite or link to this item:
http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/5455
Title: | THE CHARCTERISTIC OF LAND USE AND URBAN STRUCTURE TO MANAGE FLOOD IMPACTS IN THE HISTORIC CITY OF AYUTTHAYA AND IMMEDIATE VICINITY รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินและลักษณะโครงสร้างของเมือง เพื่อจัดการผลกระทบจากอุทกภัยสำหรับพื้นที่มรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และชุมชนเมืองที่ต่อเนื่อง |
Authors: | Waroonrote KANTAMARA วรุณโรจน์ กันตามระ Thana Chirapiwat ธนะ จีระพิวัฒน์ Silpakorn University Thana Chirapiwat ธนะ จีระพิวัฒน์ udp.silpakorn@gmail.com udp.silpakorn@gmail.com |
Keywords: | น้ำท่วม การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา LANDUSE FLOODS THE HISTORIC CITY OF AYUTTHAYA |
Issue Date: | 22 |
Publisher: | Silpakorn University |
Abstract: | The Historic City of Ayutthaya is a significant heritage site known for its well-preserved ancient urban elements and its role as a provincial center for governance, commerce, and services. However, urban expansion into agricultural zones, which serve as natural floodways, has intensified flooding issues. This study aims to analyze the extent of flood impacts on Ayutthaya’s heritage sites and neighboring urban communities, providing guidelines for land use planning to mitigate flood effects. The research examined the area’s physical characteristics, topography, settlement patterns, current and past land use changes, and development plans to identify urban growth trends. A spatial overlay technique was applied using Geographic Information System (GIS) tools to compare past (2012) and current (2024) land use maps. Additionally, flood impacts were analyzed to assess flood levels and inundation durations.
The results indicate that the urban structure within the heritage sites and surrounding areas is vulnerable to varying levels of flood severity, mainly due to its location on a floodplain intersected by multiple rivers. Two main causes of flooding were identified: overflow from northern highlands and rainfall-induced flash floods. The expansion of urban and industrial areas into floodways, along with selective flood protection systems, has led to severe flooding in unprotected suburban and agricultural zones. Low-risk areas (0.25–1.25 meters of water) primarily impact residential and mixed-use buildings, while medium-risk areas (1.26–2.25 meters) affect riverside residential zones outside the Historic City. High-risk areas (2.26–2.75 meters) include sections along the Chao Phraya River and open spaces within the Historic City. The most hazardous areas (exceeding 2.75 meters) are predominantly found within the Historic City itself. Proper land use planning is essential for mitigating and preventing damage, and the study suggests urban planning measures to optimize land use in at-risk areas. เนื่องจากอยุธยาเป็นเมืองที่มีความสำคัญในการเป็นเมืองโบราณ และเมืองมรดกโลก ที่ยังคงรักษาองค์ประกอบของเมืองโบราณไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครอง การศึกษา การค้า และการบริการในระดับจังหวัด ทำให้เมืองมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และขยายตัวไปยังพื้นที่เกษตรซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ เมื่อเกิดปัญหาอุทกภัยจึงส่งผลให้กระทบที่รุนแรงขึ้น การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ระดับของผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัยในพื้นที่ศึกษา โดยผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลทางด้านพื้นที่ทางกายภาพ ลักษณะภูมิประเทศ การตั้งถิ่นฐานของเมือง รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน การใช้ประโยชน์อาคาร และแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มของการเติบโตของเมือง ร่วมกับการวิเคราะห์ที่ใช้วิธีซ้อนทับ (overlay) แผนที่ทางกายภาพ ของเมืองในปี พ.ศ. 2555 และ พ.ศ.2565 กับแผนที่ในอดีตเพื่อศึกษาปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพของพื้นที่ รวมไปถึงปัจจัย ที่มีผลต่อการเกิดอุทกภัย โดยสร้างแผนที่ความเสี่ยงด้วยโปรแกรมสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ และเสนอแนะแนวทางการจัดการ พื้นที่ การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อลดผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบของเมืองบริเวณพื้นที่มรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และชุมชนเมืองที่ต่อเนื่อง เป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอุทกภัย และมีระดับความรุนแรงจากการเกิดอุทกภัยในทุกระดับ โดยส่วนใหญ่เป็นระดับความรุนแรงต่ำ ถึงระดับปานกลาง ในบริเวณย่านชุมชนที่อยู่อาศัย และระดับความรุนแรงสูง ถึงสูงมาก ในพื้นที่โบราณสถานตรงบริเวณกึ่งกลางพื้นที่ศึกษา ซึ่งสาเหตุการเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่มี 2 สาเหตุหลัก ได้แก่ น้ำท่วมจากปัญหาน้ำหลากจากด้านเหนือ เนื่องจากพื้นที่ศึกษาตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่เป็นพื้นที่รับน้ำหลักจากแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ลงมา และมารวมกับแม่น้ำป่าสัก ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่มต่ำน้ำจึงไหลบ่าเข้าท่วมได้ง่าย และอีกสาเหตุ คือ น้ำท่วมจากปริมาณฝนตกในพื้นที่และทำให้เกิดน้ำรอการระบายหรือน้ำเอ่อล้นแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วไหลเข้าท่วมชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ ทั้งนี้เนื่องจากสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นพื้นที่ชุมชน พื้นที่อุตสาหกรรม และมีระบบป้องกันน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้เกิดสภาพน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ซึ่งยังไม่มีระบบป้องกัน โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุมชน พื้นที่โบราณสถาน และสาธารณูปโภค และพื้นที่การเกษตรกรรม ซึ่งจำเป็นต้องมีการระบายน้ำออก พบว่า ระดับพื้นที่ที่อันตรายต่ำ (ระดับความลึก 0.25-1.25 เมตร) ส่วนใหญ่กระทบกับอาคารที่อยู่อาศัยและอาคารที่อยู่อาศัยกึ่งพาณิชยกรรม ระดับพื้นที่ที่อันตรายปานกลาง (ระดับความลึก 1.26-2.25 เมตร) ส่วนใหญ่กระทบกับอาคารที่อยู่อาศัย บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและนอกเกาะเมือง ระดับพื้นที่อันตรายมาก (ระดับความลึก 2.26-2.75 เมตร) บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและบริเวณที่โล่งในเกาะเมือง และระดับพื้นที่อันตรายมากที่สุด (ระดับความลึกมากกว่า 2.75 เมตร) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เกาะเมือง ทั้งนี้ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่เป็นการกำหนดแนวทางการป้องกันความเสียหายในเบื้องต้น โดยกำหนดให้มีการตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่มีโอกาสการเกิดน้ำท่วมต่ำหรือปานกลาง และอยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมที่ระดับความอันตรายต่ำ และในพื้นที่อื่นๆจะเสนอแนะมาตราการการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหมาะสมด้วยวิธีการทางผังเมือง |
URI: | http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/5455 |
Appears in Collections: | Architecture |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
61058312.pdf | 15.94 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.