Please use this identifier to cite or link to this item: http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/4725
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributorPapapin NIYOMPUNen
dc.contributorปภาพินท์ นิยมพันธ์th
dc.contributor.advisorSoranabordin Prasansaphen
dc.contributor.advisorสรณบดินทร์ ประสารทรัพย์th
dc.contributor.otherSilpakorn Universityen
dc.date.accessioned2023-11-16T02:05:24Z-
dc.date.available2023-11-16T02:05:24Z-
dc.date.created2023
dc.date.issued24/11/2023
dc.identifier.urihttp://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/4725-
dc.description.abstractThe purposes of this research were to 1) compare the students’ pronunciation skills of third graders before and after learning through Phonics and 2) study students’ satisfaction toward Phonics. The sample group selected by classroom cluster random sampling technique, comprised 23 third-grade students of Watnongsuea school, Kanchananburi during the second semester of the academic year 2022. The instruments used for gathering data consisted of 1) lesson plans using Phonics 2) the pronunciation test, and 3) the satisfaction survey questionnaire. The data were analyzed by the mean, standard deviation of items, the t-test dependent, index of item objective congruence, difficulty, discrimination and reliability.   The results of the study were as follows: 1. The students’ English pronunciation skills after learning through Phonics were significantly higher than before at the .05 statistical level. 2. The students’ satisfaction with Phonics was at the highest level.en
dc.description.abstractการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยวิธีการสอนแบบโฟนิคส์และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้วิธีการสอนแบบโฟนิคส์ในการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 23 คน โรงเรียนวัดหนองเสือ จังหวัด กาญจนบุรี ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่มโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิคส์ 2) แบบทดสอบวัดทักษะด้านการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนและ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อวิธีการสอนโดยใช้วิธีการสอนแบบโฟนิคส์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทดสอบ t (t-test) ค่าความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนกและค่าความเชื่อมั่น ผลการวิจัยพบว่า  1. ทักษะการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนด้วยวิธีการสอนแบบโฟนิคส์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อวิธีการสอนอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษด้วยวิธีการสอนแบบโฟนิคส์อยู่ที่ระดับมากที่สุดth
dc.language.isoth
dc.publisherSilpakorn University
dc.rightsSilpakorn University
dc.subjectการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษth
dc.subjectวิธีการสอนแบบโฟนิคส์th
dc.subjectPronunciation Skillsen
dc.subjectPhonics Methoden
dc.subject.classificationArts and Humanitiesen
dc.subject.classificationEducationen
dc.titleTHE EFFECTS OF USING THE PHONICS METHOD TO ENHANCE PRONUNCIATION SKILLS FOR GRADE THREE STUDENTSen
dc.titleผลการใช้วิธีการสอนแบบโฟนิคส์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 th
dc.typeIndependent Studyen
dc.typeการค้นคว้าอิสระth
dc.contributor.coadvisorSoranabordin Prasansaphen
dc.contributor.coadvisorสรณบดินทร์ ประสารทรัพย์th
dc.contributor.emailadvisortea9796@hotmail.com
dc.contributor.emailcoadvisortea9796@hotmail.com
dc.description.degreenameMaster of Education (M.Ed.)en
dc.description.degreenameศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม)th
dc.description.degreelevelMaster's Degreeen
dc.description.degreelevelปริญญาโทth
dc.description.degreedisciplineen
dc.description.degreedisciplineth
Appears in Collections:Education

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
630620103.pdf4.66 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.